ความน่าสนใจของการลงทุน โรงงานขนาดเล็ก เพื่อผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
ทำไม? นักลงทุนต่างประเทศจึงเลือก โรงงานขนาดเล็ก และใหญ่ในประเทศไทยเป็นฐานผลิตผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
รู้หรือไม่? ว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์นั้น ถือว่าเป็นเสาหลักสำคัญในภาคการส่งออกของประเทศไทยโดย โรงงานขนาดเล็ก และใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDDs) รายใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 30 ของตลาดโลก นอกจากนั้น ประเทศไทยของเรายังมีแรงงานกว่า 753,000 คนในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความรู้และประสบการณ์ที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและเป็นฐานการผลิตในการส่งออกที่แข็งแกร่ง ฉะนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยเป็นที่ยอมรับและอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก
ขอบคุณภาพจาก www.krungsri.com
จากภาพแสดงให้เห็นว่าไทยเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่อันดับ 13 ของโลก (ข้อมูลปี 2562) โดยมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1.8% โดยประเทศที่ครองส่วนแบ่งการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์สูงสุดในตลาดโลก คือ จีน (สัดส่วน 24.7%) และฮ่องกง (13.8%) รองลงมาได้แก่ ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
โรงงานขนาดเล็กและใหญ่ที่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย มีอะไรบ้าง?
ความจริงแล้ว ประเทศไทยนั้นมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยก็มีนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนผ่านการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งทางด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีเพื่อดึงดูนักลงทุนชาวต่างชาติ ประกอบกับศักยภาพในการผลิตและแรงงานของไทยที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนชาวต่างชาติจึงทยอยเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทศไทยกันมากขึ้น ซึ่งในปี 2566 ไตรมาสแรกนั้น มีมูลค่าการส่งออกเติบโตต่อเนื่องที่ 5.9%YOY โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำคัญ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์และแผงวงจรพิมพ์ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า นั่นเอง โดยประเภทของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทศไทยผลิตเพื่อส่งออกได้ มีดังนี้
- แผงวงจรไฟฟ้า (Integrated Circuit: IC) : ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอุตสาหกรรม IC เป็นอันดับที่ 14 ของโลก (ข้อมูลปี 2562) โรงงานขนาดเล็ก หรือใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนแผงวงจรไฟฟ้า จึงมีทิศทางการเติบโตตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและการลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ Smartphones และ Notebooks โดยตั้งแต่ปี 2564-2566 การผลิต IC มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอยู่ที่ 6.0-7.0% ซึ่งมาจากยอดจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาวะของการ Lockdown จากการระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก ทำให้ประชาชนต้องทำงานและเรียนที่บ้าน จึงทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ PCs Notebooks Tablets Games consoles และ Smartphones เติบโตมากขึ้น
นอกจากนั้น ก็ยังมีปัจจัยของการพัฒนาเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์อัตโนมัติ ที่ต้องใช้ระบบซอฟต์แวร์มากขึ้น ทำให้มีความต้องการ IC ในรถยนต์มากขึ้น มากถึง 150 ประเภท จากรถยนต์ทั่วไปที่ใช้ IC อย่างน้อย 40 ประเภท และการพัฒนาของระบบสื่อสารโทรคมนาคม 5G ซึ่งจะรองรับเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ได้มากยิ่งขึ้น ก็จะส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ IC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ผลิตที่เป็น โรงงานขนาดเล็ก และใหญ่ที่เป็นผู้ผลิต IC - แผ่นวงจรพิมพ์ (Print Circuit Board: PCB) : หรือที่นักอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปนิยมเรียกกันว่าแผ่นปริ๊นท์ แผ่นวงจรพิมพ์ทั่วไปชั้นฉนวนจะทำมาจากพลาสติก (Plastic), ใยแก้ว (Fiberglass) หรือยางสังเคราะห์ (Resin Composites) และชั้นตัวนำใช้เทรซด้วยทองแดง (Copper Traces) เพื่อเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะใช้เป็นที่สำหรับยึดชิ้นส่วนและเป็นทางเดินสัญญาณไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่อยู่บนวงจร และจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อกันและสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามที่ได้ออกแบบไว้ มีมูลค่าการส่งออกคิดเป็น 19.6%
- ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive: HDD) : ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออก HDD อันดับ 2 ของโลก คิดเป็นสัดส่วน 29.3% ของมูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด รองจากจีนซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดโลก 26.5% (ข้อมูลปี 2563) แม้ในปัจจุบันจะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องที่ -13.1%YOY ด้วยสาเหตุมากจากวามต้องการ HDD ที่ลดลงและจากการถูก Disrupt ของการใช้ Solid State Drive (SSD) ในการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น
- ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) และคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบอื่นๆ : ทิศทางในปัจจุบันของ โรงงานขนาดเล็ก และใหญ่ที่เป็นผู้ผลิต Floppy Disk และคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบอื่นๆ มีการหดตัวอยู่ที่ -1.9%YOY มีมูลค่าส่งออกประมาณ 21.9% มากจากความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวสำหรับ Cycle ของการซื้อรอบนี้ และกำลังซื้อ ของผู้บริโภคในตลาดโลกที่เริ่มชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
- มอเตอร์ไฟฟ้า สายไฟและสายเคเบิล : อุตสาหกรรมการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า สายไฟและสายเคเบิล ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมวัตถุดิบเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งทองแดงที่ใช้สำหรับลวดและสายเคเบิลคิดเป็นประมาณ 60-70% ของการใช้ทองแดงทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่สูงมากทำให้ผู้ประกอบการโรงงานขนาดเล็ก และใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตสายไฟและเคเบิลกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนอยู่ในขณะนี้ แต่อนาคตอันใกล้นี้ทิศทางของอุตสาหกรรมประเภทนี้จะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการเติบโตของการการขนส่งทางรถไฟ, การบินและพลังงานไฟฟ้า (พลังงานใหม่, สมาร์ทกริด) ที่เข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของเราเพิ่มมากขึ้น นั่นเอง
ความน่าสนใจของการลงทุนทำโรงงานขนาดเล็ก เพื่อผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต มีอะไรบ้าง?
“นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของโลก และในประเทศไทยเอง ที่ BOI ก็ให้เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เนื่องจากมีความเชื่อมโยงและเป็นฐานการพัฒนาที่สำคัญของอุตสาหกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ ดิจิทัล อุปกรณ์การแพทย์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ฯลฯ
นอกจากนั้น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานในการต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ที่เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่สามารถตรวจจับและรับข้อมูลได้เป็นองค์ประกอบหลัก, สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์หรือเครื่องมือ หรือโครงข่ายผ่านระบบไร้สาย และมี มีระบบปฏิบัติการหรือประมวลผลฝังตัวอยู่ในอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของพื้นที่ EEC ในกลุ่ม First S-Curve ที่มุ่งเน้นขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยให้สามารถเติบโตสอดคล้องไปกับความต้องการของตลาดในโลกยุคดิจิตอลได้
และทิศทางที่เราคิดว่าน่าสนใจมากที่สุดก็คือ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในแหล่งรองรับการลงทุนที่มีความโดดเด่น ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ระบบไฟฟ้ามีความเสถียร พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมีความพร้อมรองรับการลงทุนได้อีกมาก บุคลากรมีทักษะและความเชี่ยวชาญในด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซัพพลายเชนครบวงจร และภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนที่แข่งขันได้ จึงมีผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากไต้หวัน ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลก ซึ่งการลงทุนจากไต้หวันส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (Printed Circuit Board: PCB) คอมพิวเตอร์พกพา (Notebook) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่นำระบบเซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) หรือระบบสมองกลฝังตัว (Embedded System) มาใช้ เช่น ลำโพงอัจฉริยะ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ (Wearable Device) ฯลฯ ที่นับว่านี่คือโอกาสสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง โรงงานขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
หากคุณคือผู้ประอบการในกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกำลังคิดจะขยายฐานการผลิตแห่งใหม่ให้สอดรับกับโอกาสทองของอุตสาหกรรมประเภทนี้ โครงการ ไพร์ม เอสเตท เรา ขายโรงงานขนาดเล็ก พร้อมโซลูชั่นมากมายให้คุณเลือกเพื่อความเหมาะสมของธุรกิจคุณ อีกทั้งยังตั้งอยู่บนเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย สามารถขนส่งได้หลากหลายช่องทาง อีกทั้งยังอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญระหว่างกรุงเทพมหานครและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สามารถขนส่งได้หลากหลายช่องทาง เพื่อตอบโจทย์การเติบโตของธุรกิจผลิตยานยนต์ทั้งการนำเข้าและส่งออกได้เป็นอย่างดี
สนใจดูรายละเอียดโครงการ โรงงานขนาดเล็ก, คลังสินค้า, โกดังพร้อมที่ดินทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.primeestate.co.th
โทร : 063 663 6663
Facebook Inbox : m.me/PrimeEstateSME
Line: line.me/R/ti/p/@primeestate
Email : Sales@primeestate.co.th